"กรุงศรี" คาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 30.60-31.00 บาท จับตาประชุมกนง.หลังบาทแข็งค่าสุดในรอบ 6 ปี
>>
Hightlight
- กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาท ในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.60-31.00 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 30.86 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
- เงินบาททำสถิติแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 6 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2556
- เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบทุกสกุลเงินสำคัญหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศคงดอกเบี้ยตามคาด
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาท ในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.60-31.00 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 30.86 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาททำสถิติแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 6 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2556 ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยมูลค่า 1.12 หมื่นล้านบาท และ 1.25 หมื่นล้านบาทตามลำดับ
ส่วนเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบทุกสกุลเงินสำคัญหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศคงดอกเบี้ยตามคาด แต่เฟดส่งสัญญาณว่าพร้อมรับมือกับความเสี่ยงด้านขาลงของเศรษฐกิจ และแสดงความกังวลต่อข้อพิพาททางการค้าที่รุนแรงยิ่งขึ้นและเงินเฟ้อที่ระดับต่ำ
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดจะให้ความสนใจกับข้อมูลจีดีพีไตรมาส 1/2562 และการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐฯ เพื่อประเมินจังหวะเวลาที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหลังจากนายพาวเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่าผู้กำหนดนโยบายคนอื่นๆ เห็นด้วยว่ามีเหตุผลสนับสนุนมากขึ้นให้เฟดปรับลดดอกเบี้ย นอกจากนี้คาดว่าการซื้อขายจะเป็นไปอย่างระมัดระวัง ก่อนการประชุมกลุ่มจี-20 ซึ่งนักลงทุนเฝ้าติดตามว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะคลี่คลายลงได้บ้างหรือไม่
คาดกนง.ตรึงดอกเบี้ย 1.75%
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.75% ในการประชุมวันที่ 26 มิถุนายน ขณะที่ธปท.กล่าวก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มความเข้มงวดในการติดตามธุรกรรมที่มุ่งใช้ไทยเป็นแหล่งพักเงินระยะสั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางการไม่พึงประสงค์ โดยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วและแข็งค่ากว่าสกุลเงินส่วนใหญ่ ท่ามกลางปัจจัยภายนอกซึ่งมีบทบาทสำคัญที่ทำให้เงินบาทและเงินสกุลตลาดเกิดใหม่ผันผวนสูง
โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าหากเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง อาจไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานและอาจส่งผลต่อภาคเศรษฐกิจจริง ทั้งนี้ยอดส่งออกของไทยหดตัว 5.79% ในเดือนพฤษภาคม และลดลง 2.7% ในช่วง 5 เดือนแรกของปี เราคาดว่ากนง.จะแสดงความกังวลต่ออุปสงค์ภายนอกที่ยังไม่ฟื้นตัว ผลกระทบจากสงครามการค้าที่ยืดเยื้อและเงินบาทที่แข็งค่าเร็ว อย่างไรก็ดีเชื่อว่าการดูแลความเสี่ยงด้านเสถียรภาพของระบบการเงินในระยะยาว ยังคงเป็นประเด็นที่ทางการให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องเช่นกัน